ก่อนจะไปพูดถึงวิธีการแก้ปัญหาแบต iPhone หมดไว เราเคยรู้มาก่อนไหมว่าแบตเตอรี่เราสามารถรั่ว (drain) ได้โดยไม่เกี่ยวข้องการการเปิดใช้งานฟีเจอร์หรือแอพอื่นๆใน iOS วิธีเช็คว่าแบตเตอรี่ของคุณยังปกติดีอยู่ ให้เข้าไปที่ Setting -> General -> Usage และดูที่ เวลาด้านล่างสุด จะพบกับเวลา Usage และ Standby Time
Usage คือเวลาที่เราใช้งานโทรศัพท์เราจริงๆ เข้าเฟซบุ๊ก แชทไลน์ เช็คเมล เปิดเว็บต่างๆ หลังถอดสายชาร์จที่ชาร์จจน 100%
Standby Time คือเวลาทั้งหมดตั้งแต่ถอดสายชาร์จ กล่าวคือเป็นเวลารวมของ Usage กับเวลาที่เครื่อง Sleep
โดยปกติเวลา Standby จะต้องมากกว่า Usage นอกจากคุณจะเปิดใช้เครื่องตลอดตั้งแต่ถอดสายชาร์จ หากจะลองตรวจสอบอย่างละเอียด ให้คุณลองบันทึกเวลา Usage และ Standby (หลังชาร์จจนเต็ม) กดล็อคหน้าจอ จับเวลาสัก 5 นาที แล้วลองเช็คดู หากเครื่องปกติ Standby จะอยู่ที่ 5 นาที และ Usage จะน้อยกว่า 1 นาที หาก Usage คุณมากกว่า 1 หรือ Usage และ Standby เท่ากันแสดงว่าคุณมีปัญหาแบตเตอรี่รั่ว โทรศัพท์คุณไม่สามารถ sleep ได้อย่างที่ควรจะเป็น
วิธีการต่อไปนี้สามารถช่วยคุณได้ (ถ้าไม่มีแล้วยังคงกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดไว จะเอาไปใช้ก็ไม่มีใครว่านะครับ)
ปิด Location service และ Background app refresh ของ Facebook
ปิด Background App Refresh สำหรับแอพที่ไม่จำเป็น
เลิกปิดแอพในหน้า Multitasking
ผิดครับ หากคุณไม่ได้เปิด BAR iOS จะ freeze การทำงานของแอพนั้นๆ ทันทีที่คุณกด Home เพื่อที่ว่าคุณสามารถกดกลับเข้าแอพได้ทันทีที่คุณเปิดแอพนั้นมาใหม่ ในช่วงนี้ RAM จะมีหน้าที่บันทึกการทำงานของแอพไว้ การปิด (shutdown) จากหน้า Multitasking กลับจะยิ่งทำให้แบตเตอรี่ทำงานหนักขึ้นไปอีก เพราะเพื่อเปิดแอพขึ้นมาใหม่ เครื่องจะดึงข้อมูลออกมาจากหน่วยความจำในเครื่อง การเปิดๆ ปิดๆ เป็นการสร้างภาระให้กับตัวเครื่องมากกว่าที่จะเปิดแอพทิ้งไว้เฉยๆ นอกจากนั้นหากต้องการ RAM เพิ่ม เครื่องจะปิดแอพที่ค้างไว้เหล่านั้นโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว
ปิดการแจ้งเตือน E-mail เป็นครั้งคราว
ปิดการแจ้งเตือนแอพที่ไม่จำเป็น
ปิด Battery Percentage
เปิด Airplane Mode ในพื้นที่ที่มีสัญญาณต่ำ
เพราะเมื่อโทรศัพท์พบว่าคุณอยู่ในพื้นที่ที่สัญญาณไม่ค่อยดี เครื่องจะเพิ่มความสามารถให้เสาสัญญาณในการพยายามจับสัญญาณให้ได้มากที่สุด กระบวนการตรงนี้เองที่ค่อนข้างจะกินแบตเตอรี่
อย่างไรก็ตามหากแบตเตอรี่ iPhone คุณยังคงไม่สามารถรองรับการใช้งานของคุณได้ทั้งวันจริงๆ ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะคุณใช้งานมันหนัก โดยที่ตัวเครื่องและระบบทำงานอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวที่สุดแล้ว ก็พกแบตสำรองตามสะดวกละกันนะครับ ต้องยอมรับด้วยแหละครับว่าความจุแบตเตอรี่ที่แอปเปิลให้มาค่อนข้างน้อย (iPhone 5s ประมาณ 1570 mAh) เมื่อเทียบโทรศัพท์เรือธงของฝั่งแอนดรอยด์ (ประมาณ 2000-3000 mAh)
ที่มา - nismod@Blognone